เหตุผลหลักในการย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมาสู่กรุงรัตนโกสินทร์ จึงเป็นเรื่องของความมั่นคง ตามมาด้วยการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้กรุงรัตนโกสินทร์มีความความเจริญรุ่งเรือง และเหมาะสมต่อการเป็นราชธานีของประเทศไทยยังแบ่งเป็น 3 ข้อหลัก ๆ ด้วยกัน คือ
1. ปัจจัยด้านทำเลและที่ตั้ง
การตั้งราชธานีที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยาจะช่วยป้องกันการรุกรานของข้าศึกศัตรูในสมัยนั้นได้ (เช่น อาณาจักรพม่าที่มักยกมาจากทิศตะวันตก) เพราะถ้ากรุงรัตนโกสินทร์ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ก็จะมีแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นปราการธรรมชาติ
2. ปัจจัยเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ
เนื่องจากกรุงรัตนโกสินทร์ตั้งอยู่บริเวณตอนล่างของแม่น้ำเจ้าพระยาและติดกับอ่าวไทย ช่วยให้การค้าและการคมนาคมกับชาวต่างชาติสะดวกมากขึ้น และนำความมั่งคั่งมาสู่กรุงรัตนโกสินทร์ได้ ประกอบกับความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีการเดินเรือของชาติอื่น ๆ กรุงรัตนโกสินทร์จึงพลอยได้อานิสงส์ความเจริญนี้ด้วย
3. ปัจจัยด้านผู้นำ
ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นการปกครองแบบราชาธิปไตย ดังนั้นบทบาทของพระมหากษัตริย์จึงมีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์โดยตรง ซึ่งบทบาทของพระมหากษัตริย์ไทยในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น (รัชกาลที่ 1 – 3) ที่โดดเด่นมีดังนี้
1. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1)
- ทรงสถาปนาราชวงศ์จักรีและกรุงรัตนโกสินทร์
- มุ่งเน้นการสร้างความมั่นคง เช่น การย้ายราชธานีมาอยู่ฝั่งตะวันออกของของแม่น้ำเจ้าพระยา เสริมสร้างกองทัพไทยให้เข้มแข็ง จนมีชัยชนะในสงครามเก้าทัพ
2. พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2)
- ทรงให้ความสำคัญกับศิลปะและวิทยาการของกรุงรัตนโกสินทร์ เช่น การสร้างสรรค์วรรณคดี บทละครใน บทละครนอก รวมถึงการแสดงมหรสพมากมาย ตัวอย่างวรรณคดีที่มีชื่อเสียงในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เช่น อิเหนา เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน กวีที่มีชื่อเสียง เช่น สุนทรภู่
- การให้ความสำคัญกับพระพุทธศาสนา
3. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3)
- ทรงมุ่งเน้นการค้าสำเภากับชาติต่าง ๆ เช่น จีน (คู่ค้าหลัก) ประเทศใกล้เคียง และอังกฤษ (ผ่านอาณานิคม) เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ยังมีการทําสนธิสัญญาต่าง ๆ เช่น สนธิสัญญาเบอร์นี ซึ่งถือเป็นประตูสู่โลกการค้าของสยามในสมัยนั้น
- การให้ความสำคัญกับเรื่องการค้า ทำให้เศรษฐกิจของกรุงรัตนโกสินทร์มีความมั่งคั่งแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังมีเงินถุงแดง เงินจากพระคลังข้างที่ (พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และเงินรายได้แผ่นดินที่แบ่งถวายพระมหากษัตริย์เพื่อเสด็จใช้จ่ายส่วนพระองค์) ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเก็บสะสมไว้ในกำปั่นข้างพระแท่นบรรทม ซึ่งในเวลาต่อมารัฐสยามได้นำเงินนี้มาใช้จ่ายเมื่อเกิดวิกฤติทางการเมืองในสมัยรัชกาลที่ 5