1. การเลือกใช้เสื้อผ้า
1.1 การเลือกใช้เสื้อผ้าให้หมาะสมกับสภาพอากาศ
การเลือกใช้เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ เพื่อให้ผู้สวมใส่สบายตัวและร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ จะได้มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย
อากาศร้อน
ควรสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อบางที่ทำจากผ้าฝ้ายซึ่งซับเหงื่อ และระบายอากาศได้ดี สีของเสื้อผ้าที่ใช้ควรเป็นสีอ่อน เพราะจะดูดความร้อนได้น้อย ผู้สวมใส่จึงรู้สึกเย็นสบาย
ฝนตก
ควรสวมใส่เสื้อกันฝนหรือกางร่มเพื่อป้องกันร่างกายไม่ให้เปียกน้ำฝน เมื่อกลับถึงบ้านควรรีบถอดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เราสวมใส่อยู่ทันที เพราะการสวมใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้นจะทำให้เป็นโรคหวัด หรือโรคปอดบวมได้
อากาศเย็น
ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่มีเนื้อหนานุ่มและสวมเสื้อกันหนาวทบอีกชั้นหนึ่ง ถ้าอากาศเย็นมากอาจสวมหมวก
และถุงมือเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นยิ่งขึ้น สีของเสื้อผ้าที่ใช้ควรเป็นสีเข้ม เพราะจะช่วยดูดความร้อนได้ดี ผู้สวมใส่จึงรู้สึกอบอุ่น
1.2 การเลือกใช้เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับโอกาส
คนเราไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่ในบ้านตลอดเวลา บางครั้งต้องออกไปทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้าน เช่น ไปโรงเรียน ไปสวนสตว์ ไปออกกำลังกาย ไปเยี่ยมผู้ใหญ่ ไปร่วมงานเลี้ยงรื่นเริง หรือไปร่วมงานศพ เสื้อผ้าที่สวมใส่เพื่อทำกิจกรรมแต่ละประเภทจะแตกต่างกันตามกฎระเบียบ กติกา มารยาท วัฒนธรรม และประเพณีของแต่ละสถานที่ที่เราไป ดังนั้น การเลือกใช้เสื้อผ้าให้เหมาะสมโอกาสจึงหมายถึง การเลือกใช้เสื้อผ้าให้เหมาะสมกัับกิจกรรมที่เราทำ และสถานที่ที่เราไป
1) เสื้อผ้าสำหรับใส่อยู่บ้าน
ควรเป็นแบบเรียบง่าย สวมใส่สบายสะดวกต่อการลุก นั่ง เดิน หรือทำกิจกรรมต่างๅ และควรมีเนื้อผ้าที่ทนทานต่อการซักรีด
2) เสื้อผ้าสำหรับใส่เล่นกีฬาหรืออกกำลังกาย ควรเป็นเสื้อผ้าขนาดพอดีตัวและมีความยืดหยุ่นไม่คับหรือหลวมจนเกินไป เพื่อให้สะดวกต่อการเคลื่อนไหว นอกจากนี้เนื้อผ้าควรซับเหงื่อ และระบายความร้อนได้ดี
3) เสื้อผ้าสำหรับใส่นอน
ควรเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่สบายตัวไม่รัดแน่นจนเกินไป และถ้าอากาศหนาวควรสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อหนา อากาศร้อนควรสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อบาง
4) ชุดนักเรียน ควรเป็นชุดนักเรียนที่ถูกต้องตามกฎระเบียบของแต่ละโรงเรียน และมีเนื้อผ้าที่ทนทานต่อการซักรีด
5) เสื้อผ้าสำหรับใส่ไปเที่ยว
ควรเป็นเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสถานที่และคล่องตัวในการเดินทาง
6) เสื้อผ้าสำหรับใส่ไปทำบุญที่วัดและไปเยี่ยมผู็ใหญ่
ควรเป็นเสื้อผ้าที่มีรูปแบบสุภาพเรียบร้อย สีไม่ฉูดฉาด
7) เสื้อผ้าสำหรับใส่ไปร่วมงานเลี้ยงรื่นเริงและงานมงคล
เช่น งานแต่งงานควรเป็นเสื้อผ้าที่มีสีสดใส มีรูปแบบและลวดลายสวยงามตามความชอบของผู้สวมใส่
8) เสื้อผ้าสำหรับใส่ไปร่วมงานศพ ควรเป็นเสื้อผ้าสีดำ สีขาว หรือสีขาวดำ เพื่อเป็นการให้เกียรติกับเจ้าภาพและผู้เสียชีวิต
1.3 ประโยชน์ของการเลือกใช้เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและโอกาส
(1) ร่างกายอบอุ่น สุขภาพแข็งแรง เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าได้เหมาะสมกับสภาพอากาศ
(2) ผู้สวมใส่มีความมั่นใจในการเคลื่อนไหวร่างกาย เมื่อทำกิจกรรมต่างๆ และช่วยส่งเสริมให้มีบุคลิกภาพดี
(3) แสดงถึงมารยาทที่ดีในการเข้าสังคม เพราะเลือกใช้ผ้าได้เหมาะสมกับโอกาสและสถานที่
2. การซ่อมแซมเสื้อผ้าอย่างง่าย
2.1 ความหมายของการซ่อมแซมเสื้อผ้า
การซ่อมแซมเสื้อผ้าหมายถึงเป็นวิธีการที่ทำให้เสื้อผ้าที่ชำรุดนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง ทำให้เสื้อผ้าสามารถอยู่กับเราได้นาน นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดค่าใช่จ่ายในครอบครัวได้อีกด้วย ในการซ่อมแซมเสื้อผ้ามีหลายวิธีการที่หลากหลาย สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการชำรุดของเสื้อผ้านั้นๆ ดังนี้ (1) การชุน (5) การปะ
(2) การด้น (6) การติดกระดุม
(3) การสอย (7) การติดซิป
(4) การเนา (8) การติดตะขอ
2.2 วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการซ่อมแซมเสื้อผ้า
1) เข็ม ใช้สำหรับเย็บผ้า มีรูเล็กๆ ที่ก้นเข็มสำหรับร้อยด้าย เวลาใช้ควรระมัดระวังไม่ให้ปลายเข็มแทงนิ้วหรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย เมื่อใช้เสร็จแล้วปักเข็มไว้บนหมอนเข็มหรือเก็บไว้ในกล่องที่มีฝาปิด
2) ด้ายเย็บผ้า ใช้สำหรับยึดผ้าให้ติดกันมีหลายสี ควรเลือกใช้ด้ายที่มีสีใกล้เคียงกับสีของเสื้อผ้าที่จะซ่อมแซม เพื่อความกลมกลืนสวยงาม เมื่อใช้เสร็จแล้วให้ม้วนเก็บด้าย โดยพันเข้ากับหลอดด้ายเพื่อป้องกันเส้นด้ายพันกัน จากนั้นเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย
3) กรรไกร ใช้สำหรับตัดผ้าและด้าย กรรไกรมีหลายขนาด ควรเลือกใช้ขนาดที่กระชับมือ เมื่อใช้เสร็จแล้วให้เช็ดทำความสะอาด จากนั้นเก็บไว้ในซองหรือกล่องเครื่องมือทุกครั้ง
2.3 การซ่อมแซมเสื้อผ้าด้วยวิธีการเนา
การเนาเป็นวิธีการซ่อมแซมเสื้อผ้าอย่างง่ายที่ใช้สำหรับเย็บผ้าตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไปให้ติดกันชั่วคราว หรือเนาเป็นแนวเย็บเพื่อจะได้ด้นหรือสอยให้แน่นต่อไป โดยแทงเข็มขึ้นลงอย่างห่างๆ เมื่อเนาเสร็จแล้วจะมองเห็นเส้นด้ายเป็นช่วงๆ ทั้งด้านบนและด้านล่างของผ้า
การเนาที่พบเห็นทั่วไปมี 4 แบบ ดังนี้
(1) การเนาเท่ากัน (3) การเนาเฉลียง
(2) การเนาไม่เท่ากัน (4) การเนาเทเลอร์
วิธีการเนาเท่ากันมีขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ร้อยด้ายใส่รูเข็ม (สนเข็ม) แล้วขมวดปมด้าย จากนั้นพับทบริมผ้าที่ต้องการเนาให้มีความกว้าง 1.5 เซนติเมตร
ขั้นตอนที่ 2 แทงเข็มทะลุผ้าจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน
ขั้นตอนที่ 3 แทงเข็มลงบนผ้าให้ด้ายมีความกว้างประมาณ 0.5 เซนติเมตร แล้วทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 และ 3 จนสิ้นสุดผ้าที่ต้องการเย็บ
ขั้นตอนที่ 4 ผูกปมด้ายเพื่อเก็บปลายด้ายไม่ให้หลุด
2.4 ประโยชน์ของการซ่อมแซมเสื้อผ้า
การซ่อมแซมเสื้อผ้ามีประโยชน์ ดังนี้
1) เสื้อผ้าที่ชำรุดนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง
2) ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างช่างซ่อมแซม และประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อเสื้อผ้าใหม่
3) เกิดความภาคภูมิใจที่สามารถซ่อมแซมเสื้อผ้าได้ด้วยตนเอง
4) เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์