ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้ เรื่อง การปฏิบัติตนเป็นชาวพุทธที่ดี
1. หน้าที่ชาวพุทธ
บำเพ็ญประโยชน์และการบำรุงรักษาวัด ปฏิบัติดังนี้
– รักษาความสะอาด
– ดูแลทรัพย์สินในวัด
– รักษาวัดให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
– บริจาคทรัพย์สิน
– ร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา
ปฏิบัติตนที่เหมาะสมต่อเพื่อนตามหลักพระพุทธศาสนา
เราต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน จึงต้องพิจารณาการคบเพื่อน พระพุทธศาสนาได้ระบุลักษณะของเพื่อนที่จะเป็นเพื่อนแท้และเพื่อนเทียม ดังนี้
– เพื่อนแท้ เป็นมิตรที่มีน้ำใจ
– เพื่อนเทียม เป็นเพื่อนที่เหมือนศัตรูแฝงมาในร่างมิตร จึงควรหลีกเลี่ยง ไม่คบหาสมาคม
การปฏิบัติตนที่เหมาะสมต่อศาสนิกชนของศาสนาต่าง ๆ
ศาสนาอิสลาม
– เรียกศาสนิกชนว่า อิสลามิกชน หรือ มุสลิม
– ผู้ทำหน้าที่เหมือนนักบวชเรียกว่า อิหม่าม
คริสต์ศาสนา
– เรียกศาสนิกชนว่า คริสต์ศาสนิกชน หรือคริสตัง และคริสเตียน
– นักบวชคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกเรียกว่า บาทหลวง
ศาสนาพราหมณ์–ฮินดู
– เรียกศาสนิกชนว่า พราหมณ์
เพื่อจะอยู่ร่วมกันในสังคมกับศาสนิกชนศาสนาอื่นอย่างสันติสุข ปฏิบัติดังนี้
– ให้เกียรติและเคารพกัน
– สุภาพ
– รู้จักกาลเทศะ
– เข้าใจกัน
บุคคลที่เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตนด้านนี้ เช่น
– พระธรรมโกศาจารย์ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ยกย่องให้เป็น
บุคคลสำคัญของโลกด้านส่งเสริมขันติธรรม สันติธรรม วัฒนธรรม ความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีของมวลมนุษย์
2. มารยาทชาวพุทธ ได้แก่
การเรียนรู้วิถีชีวิตของพระสงฆ์ มี 2 ประเภท คือ
– อริยสงฆ์ คือ พระภิกษุที่บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคล
– สมมติสงฆ์ คือ พระภิกษุที่บวชถูกต้องตามพระธรรมวินัย
การเรียนรู้บทบาทของพระสงฆ์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
– การแสดงธรรม
– การปาฐกถาธรรม
– การปฏิบัติเป็นแบบอย่าง
เพื่อให้ชาวบ้านเกิดประโยชน์ 6 ประการ ได้แก่
– ให้เห็นโทษความชั่ว
– ให้เห็นคุณความดี
– ไม่หวังผลตอบแทน
– ให้ได้ยินได้ฟังเรื่องที่ศึกษามา
– อธิบายให้กระจ่าง
– แนะนำให้ดำเนินชีวิตดีและเกิดประโยชน์
การปฏิบัติตนที่เหมาะสม ได้แก่
– การเข้าพบพระสงฆ์
– การแสดงความเคารพ
– มารยาทในการฟัง
3. ศาสนพิธี เป็นพิธีกรรมทางศาสนา ที่แสดงวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติ ซึ่งประกอบด้วย
– การจัดโต๊ะหมู่บูชาและเครื่องประกอบโต๊ะหมู่บูชา
– การจุดธูปเทียน
– การอาราธนาต่าง ๆ
4. วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
ประวัติและความสำคัญของวันธรรมสวนะและเทศกาลสำคัญ
– วันธรรมสวนะ หรือ วันพระ หนึ่งเดือนมี 4 วัน คือ วันขึ้น 8 ค่ำ วันขึ้น 15 ค่ำ วันแรม 8 ค่ำ และวันแรม 15 ค่ำ เป็นวันที่ชาวพุทธทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์
– วันเข้าพรรษา เป็นวันที่พระสงฆ์ประจำที่ใดที่หนึ่ง 3 เดือน
– วันออกพรรษา พระสงฆ์ที่จำพรรษาครบ 3 เดือน จะทำพิธีออกพรรษา
– วันเทโวโรหนะ เป็นการตักบาตรใหญ่
ประวัติและการปฏิบัติตนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
วันมาฆบูชา คล้ายวันที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ เป็นการประชุมครั้งแรก มีองค์ประกอบ ๔ ประการ เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต คือ
– เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3
– พระสงฆ์สาวก 1,250 รูปประชุมโดยมิได้นัดหมาย
– พระสงฆ์ที่ประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์
– พระสงฆ์ที่ประชุมได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้า
วันวิสาขบูชา เป็นวันคล้ายวันประสูติ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี วันตรัสรู้ ก่อนพุทธศักราช 45 ปี แล้ววันปรินิพพาน ก่อนพุทธศักราช 1 ปี ซึ่งเหตุการณ์ทั้งสามเกิดวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์ จึงเรียกว่า วันพระพุทธเจ้า
วันอัฏฐมีบูชา เป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงสรีระพระพุทธเจ้า
วันอาสาฬหบูชา มีเหตุการณ์สำคัญ ได้แก่
– เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา
– มีพระสงฆ์องค์แรก
– มีพระรัตนตรัยครบ องค์ 3
การปฏิบัติตนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชาวพุทธปฏิบัติดังนี้
– ทำบุญ ตักบาตร กรวดน้ำ
– ฟังธรรม
– รักษาศีล ฝึกสมาธิ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์
– งดใช้แรงงาน
– ช่วยเพื่อนมนุษย์ และสัตว์
– แผ่เมตตา
– เวียนเทียน
ระเบียบพิธีเวียนเทียนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ปฏิบัติดังนี้
– เตรียมดอกไม้ ธูป เทียน
– ทางวัดจะตีระฆังเมื่อถึงเวลา
– ตั้งแถวเตรียม เวียนเทียน
– หันหน้าเข้าพระอุโบสถ
– แถวเวียนไปทางขวาของสถานที่
– สำรวม ครบ 3 รอบ นำดอกไม้ ธูป เทียน ไปปักที่ทางวัดเตรียมไว้
– ประชุมพร้อมกันหน้าอุโบสถ
– ทำวัตรสวดมนต์ค่ำ รับศีล 5 ฟังธรรม
– กราบพระรัตนตรัย
5. การบริหารจิตและการเจริญปัญญา ทำให้จิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส มีความรู้เข้าใจสิ่งต่างๆ ตามจริง มีหลายวิธี แต่วิธีที่นิยม คือ
การบริหารจิตและการเจริญปัญญาตามหลักสติปัฏฐานเน้นอานาปานสติ
สติปัฏฐาน มี 4 ประการ คือ
– การตั้งสติกำหนดพิจารณากาย
– การตั้งสติกำหนดพิจารณาเวทนา
– การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต
– การตั้งสติกำหนดพิจารณาธรรม
อานาปานสติ นิยม 3 วิธี คือ
– วิธีนับ
– วิธีบริกรรมแบบพุทโธ
– วิธีบริกรรมแบบพองหนอ–ยุบหนอ
การบริหารจิตตามหลักสติปัฏฐานเน้นอานาปานสติ
วิธีปฏิบัติการบริหารจิต มีดังนี้
– เลือกสถานที่
– กำหนดเวลา
– สมาทานศีล
– บูชาพระรัตนตรัย
– แผ่เมตตา
– ตัดความกังวล
– ฝึกปฏิบัติ
ขั้นฝึกปฏิบัติของการเจริญปัญญา เมื่อจิตฝึกฝนจนสงบและมีประสิทธิภาพ ปัญญาก็จะเกิด ซึ่งการเจริญหรือฝึกฝนอบรมตนให้เกิดปัญญามีหลายวิธีตามประเภทปัญญา ได้แก่
– สุตมยปัญญา
– จินตามยปัญญา
– ภาวนามยปัญญา
ประโยชน์ของการบริหารจิตและการเจริญปัญญา
– ด้านการดำรงชีวิตประจำวัน ได้แก่ จิตใจสบาย สุขภาพดี
– ด้านการพัฒนาบุคลิกภาพ ได้แก่ สงบ กระฉับกระเฉง
– ด้านที่เป็นเป้าหมายสูงสุด ได้แก่ เข้าถึงนิพพาน
การพัฒนาการเรียนรู้ด้วยวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ การคิดพิจารณาเป็นระบบ ละเอียด รอบคอบ รอบด้าน และถูกต้อง เช่น
– วิธีคิดแบบคุณค่าแท้–คุณค่าเทียม เป็นวิธีคิดแบบบรรเทาตัณหา
– วิธีคิดแบบคุณ–โทษและทางออก เป็นการคิดข้อดี ข้อเสีย และทางแก้
แหล่งที่มา : สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช www.wpp.co.th