พระบัญญัติประการที่1

จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าพระองค์เดียวของท่าน
          เรามนุษย์จะต้องกราบไหว้ บูชา นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ทั้งโดยการกระทำที่เป็นส่วนตัวและทำเป็นหมู่คณะ ให้เราอธิษฐานภาวนาถึงพระองค์ด้วยการสรรเสริญ ขอบพระคุณ และวิงวอนขอพระพรจากพระองค์  จะต้องเคารพสักการะพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ไม่ไปศรัทธาหรือบูชาพระอื่นใด ไม่เชื่อในเวทมนต์คาถา ไม่ดูหมิ่นบุคคลหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ยอมรับว่ามีพระเจ้าอยู่จริงในโลกนี้

    พระบัญญัติประการที่ 2

   อย่าออกพระนามพระเจ้าโดยไม่สมเหตุ 
              พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้าได้รับการเคารพด้วยการใช้อย่างเหมาะสม  เช่น ในการสวดภาวนา การถวายพระพร  และการถวายเกียรติ ดังนั้นจึงห้ามการออกพระนามของพระเป็นเจ้าในทางผิด เพื่อทำให้ความผิดหนักเป็นสิ่งถูกต้อง และการใช้พระนามของพระองค์ในทางที่ผิด เช่น การใช้พระนามของพระเจ้าเพื่อสาปแช่งหรือด่าว่าคนอื่นๆ การใช้พระนามโดยไม่สมเหตุ การสบประมาทพระนามพระเจ้า    รวมถึงความไม่ซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาที่ได้กระทำไว้ในพระนามของพระเป็นเจ้า  ห้ามการสาบานเท็จ   ห้ามเพราะเป็นการเรียกหาพระเป็นเจ้า ผู้ทรงเป็นองค์ความจริงให้มาเป็นพยานต่อการโกหก

  พระบัญญัติประการที่3

  วันพระเจ้าอย่าลืมฉลองให้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์

เพราะวันอาทิตย์เป็นวันกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า และยังเป็นวันแรกของสัปดาห์ที่ระลึกถึงวันที่หนึ่งของการสร้างของพระเจ้า การกลับคืนชีพของพระเยซูคริสตเจ้ามีความหมายถึงการมีชีวิตใหม่หลังจากความตาย ซึ่งถือว่าพระองค์ทรงเป็นสิ่งสร้างใหม่ของมนุษยชาติ เราจึงถือว่าวันอาทิตย์เป็นวันของพระเจ้าอย่างแท้จริง  คริสตชนทำให้วันอาทิตย์และวันฉลองอื่นๆ ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ พักผ่อนทั้งจิตใจและร่างกายทั้งของตนเองและครอบครัว อีกทั้งเป็นวันที่คริสตชนจะต้องทำกิจกุศล รับใช้สังคม  และเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ทุกคนมีเวลาพักผ่อนและมีเวลาว่างอย่างเพียงพอ เพื่อจะได้เอาใจใส่ต่อชีวิตทางศาสนา ทางครอบครัว ทางวัฒนธรรมและทางสังคม เป็นสิ่งสำคัญด้วยที่เปิดโอกาสให้มีเวลาเพื่อรำพึงภาวนาไตร่ตรอง รักษาความเงียบ ศึกษา และมีเวลาในการอุทิศตนกระทำความดี โดยเฉพาะสำหรับผู้เจ็บป่วยและผู้สูงอายุ